วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ชาวAndroidมีเฮ!! Google Translate แปลภาษาแบบไม่ต้องสลับAppได้แล้ว!!

ภาพโดย : www.slashgear.com

เป็นปัญหาของคนที่ไม่มีความรู้เรื่องภาษาต่างประเทศหรือรู้แต่แค่งูๆปลาๆที่สนใจและอยากรู้ในสิ่งที่คนต่างประเทศเขียนหรือสนทนากัน แต่ถึงแม้จะมีAppแปลภาษาออกมามากมายแล้วก็ตามปัญหาเดิมๆที่ต้องเจอ(เฉพาะ ผู้ใช้smartphoneหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ)คือ จะทำสลับไปมาระหว่างAppเพื่อcopyแล้วมาpasteในAppแปลภาษาจากนั้นก็copyแล้วไปpasteในAppเิมอีกที ทำอย่างนี้ไปๆมาๆไม่มีที่สิ้นสุด

ในที่สุด Google Translate บน Android ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Tap to Translate ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ ไม่ต้องสลับไปยังแอพ Google Translate เพื่อแปลภาษาอีกต่อไป
วีดิโอโดย : ช่อง Google
Tap to Translate ใช้งานได้กับแอพทุกตัว เพียงแค่เราเลือกข้อความที่อยากแปล สั่งคัดลอก จากนั้นเราจะเห็นไอคอน Google Translate ป๊อปอัพขึ้นมาบนหน้าจอ (คล้ายกับ Chat Head ของ Facebook Messenger) และกดดูข้อความที่แปลแล้วได้ทันที สามารถใช้งานได้กับ Android 4.2 ขึ้นไป
นอกจากนี้ กูเกิลยังออก Google Translate บน iOS เวอร์ชันใหม่ ที่รองรับการแปลภาษาแบบออฟไลน์ได้แล้ว ตามหลัง Android ที่ทำได้ก่อนหน้านี้
อ้างอิง : https://www.blognone.com/node/80868

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

กูเกิลป้องกันการคลิกโฆษณาบนมือถือพลาด ไม่นับการคลิกที่ขอบโฆษณา

เชื่อว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนแทบทุกคน คงเคยมีประสบการณ์ "คลิกพลาด" ไปโดนโฆษณาเข้าโดยไม่ตั้งใจ ปัญหานี้ส่งผลลบทั้งต่อผู้ใช้ (ต้องดูโฆษณาทั้งที่ไม่สนใจ) และผู้ลงโฆษณา (ถูกคิดราคาคนคลิกโฆษณา ทั้งที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย)
กูเกิลออกมาปรับวิธีการตรวจสอบคลิกของโฆษณาแบบ Native Ads (โฆษณาที่หน้าตาเหมือนคอนเทนต์) ในเครือข่าย AdMob โดยจะไม่นับคลิกใน 2 กรณีดังนี้
  • คลิกเร็วเกินไป (fast click) ถ้ากูเกิลพบการคลิกโฆษณาเร็วผิดปกติหลังโฆษณาถูกแสดง แปลว่าคนคลิกไม่มีเวลาอ่านหรือดูโฆษณาด้วยซ้ำ ดังนั้น AdMob จะไม่สนใจการคลิกพลาดลักษณะนี้
  • คลิกที่ขอบของโฆษณา (edge click) กรณีนี้สำหรับมือพลาดไปโดนเข้า ถ้ากูเกิลตรวจสอบพบว่าผู้ใช้คลิกโดนขอบๆ ของพื้นที่โฆษณา แปลว่าน่าจะคลิกพลาด ก็จะไม่นับคลิกเช่นกัน
การปรับปรุงวิธีตรวจสอบการคลิกโฆษณาแบบนี้ ช่วยให้ประสิทธิภาพของโฆษณาดีขึ้น อัตราการประสบความสำเร็จของโฆษณา (conversion rate) ดีขึ้นเฉลี่ย 10%
อ้างอิง : https://www.blognone.com/node/80735

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

งานงอก QuickTimeพบช่องโหว่และหยุดอัพเดตแล้ว

ที่มา: http://v3.co.uk/
บริษัทความปลอดภัย Trend Micro แจ้งค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงของ QuickTime for Windows สองจุด

ปัญหาคือแอปเปิลบอกกับ Trend Micro ว่าจะไม่อัพเดตอุดช่องโหว่ของ QuickTime for Windows อีกแล้ว ส่งผลให้ QuickTime for Windows มีความเสี่ยงทันที


Trend Micro เปิดเผยข้อมูลช่องโหว่ทั้งสองจุดตามนโยบาย Zero Day Initiative และแนะนำให้ผู้ใช้ QuickTime for Windows ทุกคนถอนการติดตั้งโปรแกรมในทันที
แอปเปิลหยุดพัฒนา QuickTime for Windows มาได้สักระยะแล้ว และรองรับสูงสุดแค่ Windows 7 เท่านั้น (เวอร์ชันล่าสุดคือ QuickTime 7.7.9)

อ้างอิง: https://www.blognone.com/node/80011

WinXpเศร้า Dropboxหยุดสนับสนุนตังแต่ 26 มิ.ย.นี้

ที่มา: https:// updraftplus.com
Dropbox ประกาศหยุดสนับสนุน Windows XP แล้ว โดย 26 มิ.ย. เป็นต้นไปจะไม่สามารถดาวน์โหลดจากเว็บของบริษัท และไม่สามารถสร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่หรือล็อกอินเข้าแอพได้ ส่วนผู้ใช้ที่ล็อกอินอยู่แล้วจะสามารถใช้งานได้จนถึง 29 ส.ค. หลังจากนั้นจะถูกล็อกเอาต์โดยอัตโนมัติ
Dropbox ให้เหตุผลว่า เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยให้แอพ ผู้ใช้จำเป็นต้องใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่กว่า Windows XP
อ้างอิง:https://www.blognone.com/node/80287

ในอนาคต PlayStation5 อาจจะไม่เกิด

Shuhei Yoshida หัวหน้าฝ่าย PlayStation ของโซนี่ ได้เข้ามานั่งคุยในรายการ Game Informer Show โดยเมื่อเขาได้รับคำถามว่า PlayStation 5 จะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร Yoshida กลับบอกว่าคำถามที่ถูกน่าจะเป็น “ถ้า”​ (If) มากกว่า
ที่มา: http://technobuffalo.com/
ท่าทีของ Yoshida และข่าวลือเกี่ยวกับ PlayStation 4K (หรือ PS4Neo) แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเกมคอนโซลในอนาคตอาจจะเปลี่ยนไป เนื่องจากเราเริ่มจะไม่เห็นความแตกต่างกันของเกมระหว่างเจอเนอเรชั่นอีกต่อไปแล้ว ต่างกับก่อนหน้านี้ เช่น สมัย PlayStation มาเป็น PlayStation 2 ที่เราเห็นความแตกต่างระหว่างเจอเนอเรชั่นค่อนข้างมาก
นั่นหมายความว่า PlayStation 4K ที่กำลังลือกันอยู่นี้ อาจจะเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมวิดีโอเกมคอนโซล ที่ไม่ต้องมาทำแพลตฟอร์มใหม่ออกมาเรื่อย ๆ ทุก ๆ 5-10 ปี และเราอาจจะได้เห็น PlayStation 4.6, 4.7, และ 4.8 ต่อ ๆ ไป โดยที่ตัวเกมนั้นจะรองรับ PlayStation ทุกรุ่นย้อนไปกลับจนถึง PlayStation 4 รุ่นแรก
ทางฝั่งนักพัฒนาอาจจะต้องเสียเวลาพัฒนาเกมให้เข้ากับคอนโซลหลายรุ่นมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องมาเสียเวลาเรียนรู้แพลตฟอร์มใหม่ ๆ เหมือนแต่ก่อนทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนเจอเนอเรชั่นของคอนโซล
ซึ่งนั่นก็แปลว่าเครื่องเกมคอนโซล ก็จะไม่ต่างกับเกมพีซี ที่รองรับเครื่องพีซีทุกเครื่อง การแสดงผลของเกมจะสวยงามกว่า ละเอียดกว่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสเปคของฮาร์ดแวร์ แต่ทุกสเปคฮาร์ดแวร์ ก็จะสามารถเล่นเกมเดียวกันได้
ทางด้านประโยชน์สำหรับผู้เล่นเกม ก็คือเกมเก่า ๆ ก็สามารถนำมาเล่นบนเครื่องคอนโซลใหม่ ๆ ได้เลยโดยที่ไม่ต้องรอเวอร์ชัน Remaster
อย่างไรก็ดี Yoshida ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นอะไรในเรื่องนี้ และการพูดคุยกันครั้งนี้อาจจะเป็นเพียงแค่การหยอกล้อกันเฉย ๆ

อ้างอิง : 
https://www.blognone.com/node/80328

SMSกินเงิน!ลักษณะและวิธียกเลิก

มาดูกันว่าลักษณะของSMSกินเงินที่สรุปจากข้อมูลของผู้เสียหายที่ตั้งกระทู้ใน pantip.com ว่า


1.เพียงเปิดอ่านข้อความที่ได้รับก็เป็นการสมัครและเสียเงินแล้ว
2.เพียงแค่รับสายจากสายเรียกเข้าก็เสียเงินแล้ว
3.มีการส่ง sms มาให้ทดลองใช้ก่อนแต่เมื่อหมดระยะเวลาแล้วก็สมัครให้อัตโนมัติ
เมื่อผู้เสียหายรับโทรศัพท์ ปลายสายบอกว่ามีบริการโหลดเพลงของค่ายเพลงแห่งหนึ่งโดยไม่เสียค่าบริการเป็นเวลา 7 วัน และจะส่งหมายเลขยกเลิกมาให้ แต่หมายเลขที่ส่งมานั้นไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายไม่ได้ดำเนินการสมัครจึงคิดว่าคงจะปิดไปเอง แต่เมื่อสิ้นเดือนปรากฏว่ามีค่าใช้จ่ายผิดปกติ สอบถามเครือข่ายได้คำตอบว่าเป็นค่าใช้บริการ sms โดยจะยกเลิกให้แต่ไม่จ่ายเงินคืน 
ผู้เสียหายได้รับสิทธิทดลองใช้บริการ sms ข่าว ฟรี 1 เดือน แต่ sms ไม่ได้แจ้งว่าหากเลยเวลาจะสมัครให้อัตโนมัติ ทั้งๆที่ผู้เสียหายโทรไปยกเลิกบริการกับ Call Center ก่อนหมดเวลา 1 เดือนแล้วก็ตาม แต่ยังมี sms ข่าว ส่งมาอีก ผู้เสียหายจึงโทรไปสอบถามอีกครั้ง Call Center แจ้งว่าการยกเลิกครั้งแรกไม่สมบูรณ์ ผู้ใช้บริการต้องส่งข้อความไปยกเลิกอีกครั้งหนึ่งเมื่อครบ 1 เดือน 

แม้จะโดนsmsเรียกเก็บเงินแต่จำนวนผู้ที่มาร้องเรียนกับน้อยมาก

วิธีการยกเลิก

ทางสำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย จัดทำช่องทางในการยกเลิกบริการ SMS ผ่านระบบ IVR หมายเลขเดียวกันทุกเครือข่าย คือ *137   แต่ก็ยังมีสิทธิได้รับsmsอยู่ดีไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด
                                                             --------------------------------------
นอกจากนี้มูลนิธิเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการยังแนะนำให้ผู้ใช้บริการเลือกรับข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ โดยคำนึงถึงสิทธิของผู้ใช้บริการ 5 ประการ ได้แก่
1.สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการได้แก่ สิทธิที่จะได้รับการโฆษณาหรือการแสดงฉลากตามความเป็นจริงและปราศจากพิษภัยแก่ผู้ใช้บริการรวมตลอดถึงสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอย่างถูกต้องและเพียงพอที่จะไม่หลงผิดในการซื้อสินค้าหรือรับบริการโดยไม่เป็นธรรม
2.สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการได้แก่ สิทธิที่จะเลือกซื้อสินค้าหรือรับบริการโดยความสมัครใจของผู้ใช้บริการและปราศจากการชักจูงใจอันไม่เป็นธรรม
3.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัยมีสภาพและคุณภาพได้มาตรฐานเหมาะสมแก่การใช้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือทรัพย์สิน ในกรณีใช้ตามคำแนะนำหรือระมัดระวังตามสภาพของสินค้าหรือบริการนั้นแล้ว
4.สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับข้อสัญญาโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ
5.สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองและชดใช้ค่าเสียหายเมื่อมีการละเมิดสิทธิของผู้ใช้บริการตามข้อ 1, 2, 3 และ 4 ดังกล่าว

ยังมีปัญหาอื่นๆอีกมากให้เราได้อ่านและให้ทางผู้ให้บริการได้แก้ไข ได้ที่นี้

อ้างอิง : http://ilaw.or.th/node/4094

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

GooglePlayเริ่มแสดงแอปไหนมีโฆษณาแฝงแล้ว

เป็นเรื่องที่ดีที่ทาง GooglePlay จะระบุรายละเอียดต่างๆของแอปมากขึ้น

โดยในช่วงปลายปีที่แล้ว Google ได้แจ้งให้นักพัฒนาได้ทราบแล้วว่าหากไม่ระบุว่าแอปของตนนั้นมีโฆษณาอยู่ก็จะไม่สามารถอัพเดตแอปเวอร์ชั่นใหม่ได้

และในวันนี้เราก็เริ่มเห็นกันแล้วโดยจะแสดงข้อมูลในตำแหน่งเดียวกับที่บอกว่าแอพนั้นมี 'การซื้อในแอป'
อย่างไรก็ดีจากที่ลองดูๆในPlaystoreนั้น แอปที่ระบุว่ามีโฆษณาอยู่นั้นมีน้อยมาก ก็ไม่แน่ใจว่าจะทางผู้พัฒนาลืมระบุหรือป่าวก็ต้องดูกันต่อไป

ที่มา:https://www.blognone.com/node/80495

พ.ร.บ คอมใหม่รู้ไว้ประดับสมอง!

เนื่องจากเนื้อหามีเยอะมาก....สรุปย่อได้ดังนี้

  1. มีหลักการแจ้งเตือนผู้ให้บริการให้ทำตามแล้ว โดยมาตรา 15 ของพ.ร.บ. ระบุให้รัฐมนตรีออกประกาศขั้นตอนการทำตามคำแจ้งเตือน เมื่อทำตามแล้วไม่ต้องรับโทษ
  2. การบล็อคเว็บมีกรรมการพิจารณา จากเดิมการบล็อคเว็บต้องเป็นการบล็อคเว็บที่มีความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ เท่านั้น ร่างใหม่นี้กำหนดความผิดที่สามารถบล็อคเว็บได้กว้างขวางกว่าเดิม รวมถึงข้อมูลที่ไม่ผิดกฎหมายแต่คณะกรรมการกลั่นกรองมีมติให้บล็อค
  3. ขยายเวลาเก็บล็อก จากเดิมเจ้าหน้าที่สามารถขอให้เก็บรักษาไว้ไม่เกิน 1 ปี เป็น 2 ปี
นอกเหนือจากประเด็นสำหรับคนทำงานไอทีแล้ว ร่างใหม่นี้ยังมีประเด็นสิทธิเสรีภาพอีกหลายประเด็น รายละเอียดทาง iLaw ได้รายงานเปรียบเทียบอย่างละเอียดไว้แล้ว
ที่มา http://ilaw.or.th/

อ้างอิง : https://www.blognone.com/node/80473

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

Youtubeเปิดฟีเจอร์VDO 360ให้ทุกคนได้ใช้งานแล้ว!!!

อาจจะรู้กันแล้วว่าทางYoutubeนั้นจะมีเงื่อนไขต่างๆในการใช้งานฟีเจอร์อย่างเช่นจำนวนผู้ติดตามเป็นต้นทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้เมื่อเทียบกับทางFacebookที่ปล่อยให้ผู้ใช้ทุกคนได้ใช้งานฟีเจอร์ต่างๆอย่างทั่วถึง จนทำให้Youtubeต้องออกมาทำอะไรซักอย่าง
ที่มา: www.techgiri.com
ล่าสุดได้ออกฟีเจอร์ใหม่คือ Youtube 360ที่สามารถใช้คู่กับYoutube Liveได้ด้วยโดยสามารถไปรับชมกันได้โดยเขียนว่า 360 Video กดค้นหาก็จะเจอเป็นกลุ่มซึ่งทางYoutubeได้จัดเป็นกลุ่มไว้แล้ว(รองรับทั้งAndriodและIOS)




ตัวอย่างวีดีโอ360จากช่อง:ABC News

ก็ต้องมาดูกันว่าจะสายเกินไปไหมสำหรับทางYoutubeเพราะโดนนำหน้าไปก้าวนึงแล้วแต่อย่างไรก็ตามผลประโยชน์ทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ก็ตกเป็นของผู้บริโภคที่จะมีเครื่องมือให้เลือกใช้ตามแต่ถนัดกันเลย.

อ้างอิงโดย:http://www.veedvil.com/news/application/youtube-360-available-to-everyone/


วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

อย่างเจ๋ง!!! วิธีทำน้ำบริสุทธิ์(Purified Water)ให้เย็นในพริบตา

ตามที่หัวข้อได้บอกเอาไว้เลยครับยิ่งช่วงนี้อากาศยิ่งร้อนๆอยู่ด้วย โดยไอ้การทำให้น้ำเย็นในทันทีนี้ไม่ใช่ว่าจะเอาน้ำอะไรก็ได้มาทำ แต่จะต้องเป็นน้ำบริสุทธิ์เท่านั้นโดยกระบวนการเหล่านี้เรียกว่า "Waterbending"

วีดีโอจากช่อง: Grant Thompson - "The King of Random"

น่าลองทำมากๆเลยครับว่างๆก็ลองหาซื้อน้ำดื่มยี่ห้อต่างๆมาลองกันดูนะครับจะได้รู้กันไปเลยว่าของเค้าบริสุทธิ์จริงๆหรือป่าว?

อ้างอิงโดย:http://www.businessinsider.com/how-to-freeze-water-instantly-waterbending-instant-ice-2016-4

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

Internet of Things(IoT)กับการสื่อสารกันเองระหว่างอุปกรณ์

รูปจาก:www.linkedin.com
IoT หรือ Internet of Things เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยกันเองโดยแนวคิดนี้ถูกคิดขึ้นมาโดย Kevin Ashton ในปี 1999 โดยว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่นั้นสามารเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ แล้วทำไหมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆจะสื่อสารกันเองไม่ได้ละ

โดยในการสื่อสารกันระหว่างอุปกรณ์นั้นใช้ตัวSensor nodeต่างๆจำนวนมากเพื่อจะทำให้เกิด wireless sensor network (WSN) ให้อุปกรณ์ต่างๆสามารถเชื่อมต่อเข้ามาได้ ซึ่งตัว WSNs จะสามารถตรวจจับปรากฏการณ์ต่างๆ (physical phenomena) ในเครือข่ายได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น แสง อุณหภูมิ ความดัน เป็นต้น และจะตัวมี Gateway Sensor node ที่จะทำหน้าที่เชื่อมและส่งข้อมูลSensor nodeทั้งหมดไปยังโลกอินเทอร์เน็ต โดยตัว Gatewayจะอยู่ภายใต้ local network ซึ่งเราสามารถมากำหนดได้เองว่าจะเชื่อมต่อไปยังโลกอินเทอร์หรือจะเชื่อมต่อภายใน local networkกันเองเท่านั้น
รูปจาก:http://www.veedvil.com/
รูปแสดงถึงการเชื่อมต่างๆระหว่างอุปกรณ์ไปถึงผู้ใช้

โดยปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการเชื่อมต่อ IoT มีอยู่ 3 ตัวได้แก่
1.Bluetooth 4.0
2.IEEE 802.15.4e
3.WLAN IEEE 802.11™(Wi-Fi)

Internet of Thingsแบ่งออกเป็นกลุ่มได้2กลุ่ม
1.Industrial IoT คือแบ่งจาก local network ที่มีหลายเทคโนโลยีที่แตกต่างกันในโครงข่าย Sensor nodes
โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนี้จะเชื่อมต่อแบบ IP network  เพื่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
2.คือแบ่งจาก local communication ที่เป็น Bluetooth หรือ Ethernet (wired or wireless) โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device
ในกลุ่มนี้จะสื่อสารภายในกลุ่ม Sensor nodes เดียวกันเท่านั้นหรือเป็นแบบ local devices เพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้เชื่อมสู่อินเตอร์เน็ต
รูปโดย:www.securityintelligence.com
อธิบายTypesต่างๆโดย IBM
IPv6 คือส่วนสำคัญของ Internet of Things
ตัวอุปกรณ์ IoT devices ต่างๆนั้นจะเป็นจะต้องมีหมายเลขระบุเพื่อให้ใช้ในการสื่อสารเปลี่ยนเสมือนที่อยู่บ้านของเรานั่นเอง และการที่จะทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก(รวมถึงอนาคตที่จะผลิตกันออกมา) จำเป็นจะต้องใช้ IP Address vesion 6 หรือ IPv6 มากำกับเพื่อให้ได้หมายเลขที่ไม่ซ้ำกันและต้องใช้ได้ทั้ง
IoT network ที่เป็น LAN, PAN, และ BAN: Body Area Network หรือการสื่อสารของตัว Sensor กับร่างกายมนุษย์
Internet network (protocols)  ที่เป็น IP, UDP, TCP, SSL, HTTP, HTTPS, และอื่นๆ

สุดท้ายนี้ใครหลายๆคนอาจจะคิดว่าไอ้ตัวIoTนี้ก็คือพวกSmart Device อย่างสายรัดข้อมือที่ทำงานร่วมกับSmartPhone ซึ่งก็ใช่แต่ถ้าจะให้เห็นภาพชัดก็น่าจะเป็นที่ทางSamsungได้ประกาศว่าอุปกรณ์ทั้งหมดของทางSamsungจะเป็นIoTทั้งหมดภายใน5ปี (ลิงค์อ้างอิง)อย่างไรก็ดียังไม่ต้องรีบร้อนเพราะในอนาคตIoTจะมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราทุกคนแน่นอน...ไม่มากก็น้อยนะ

อ้างอิงโดย: http://www.veedvil.com/news/internet-of-things-iot/

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

งานวิจัยเผย Flash Drive กว่าครึ่งที่หาย ถูกเสีบยเข้าคอมพิวเตอร์แล้ว

เว็บไซต์Naked Security ของ Sophos รายงานโดยอ้างอิงงานวิจัยจากคณะวิจัยร่วมจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขตเออร์บานา แชมเปญ, มหาวิทยาลัยมิชิแกน และ Google ที่มีผลสรุปว่า กว่าครึ่งของไดรฟ์ Flash Drive(หรือThumb Driveนั้นเอง) ที่ทำตกหรือสูญหาย มักจะถูกเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เผยแพร่มัลแวร์อื่นๆ ได้โดยง่าย

รูปโดย:http://blogs.atu.edu

โดยงานวิจัยดังกล่าวใช้ไดรฟ์ USB จำนวน 297 ชิ้น ไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ โดยมีไดรฟ์ที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์มากถึงร้อยละ 98 และไฟล์ในไดรฟ์ถูกเปิดร้อยละ 45 ซึ่งนั่นก็แปลว่าโอกาสที่จะถูกโจมตีด้านความปลอดภัยจากไดรฟ์ที่ตกเหล่านี้ เป็นไปได้ตั้งแต่ร้อยละ 45 - 98 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใน 6.9 ชั่วโมงโดยเฉลี่ยโดยไม่เกี่ยวข้องกับหน้าตาของไดรฟ์ที่ทำตก
    สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ร่วมการวิจัยที่เปิดไฟล์ มีเพียงร้อยละ 16 ที่ตัดสินใจสั่งสแกนไดรฟ์เพื่อความปลอดภัย, ร้อยละ 8 เชื่อว่าคอมพิวเตอร์ตัวเองปลอดภัยและมีกลไกป้องกันที่ดีพอ (ตัวอย่างในงานวิจัยคือผู้เข้าร่วมวิจัยรายหนึ่งเชื่อว่า MacBook มีความปลอดภัยที่ดี) และอีกร้อยละ 8 ใช้คอมพิวเตอร์ของสถานศึกษาในการเปิดไดรฟ์เหล่านี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องส่วนตัว การเปิดไฟล์อ่านส่วนใหญ่ทำเพื่อพยายามหาว่าใครเป็นเจ้าของไดรฟ์นี้ สำหรับเรื่องการคืนนั้น มีตั้งแต่การติดต่อคืนกับแผนกไอทีของมหาวิทยาลัย, อีเมลไปหาทีมคณะร่วมวิจัย, ประกาศตามหาในสื่อสังคมออนไลน์ แต่มีสองกรณีที่ตามมาคืนให้กับนักวิจัยแทบจะทันทีที่นักวิจัยทิ้งไดรฟ์เอาไว้

อย่างไรก็ตาม Sophos ได้คำเตือนไว้ด้วยว่า ควรอัพเดทซอฟต์แวร์ป้องกันความปลอดภัยตลอดเวลา และควรเข้ารหัสข้อมูลในไดรฟ์ทั้งหมดเผื่อมีการสูญหาย (หากต้องการข้อมูลเต็ม คลิกที่นี้)

ที่มา : http://hitech.sanook.com/1405449/

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

Gmail กับการแจ้งเตือนหากถูกHacksโดยรัฐบาล

Googleได้ปรับปรุงระบบแจ้งเตือนใหม่หากผู้ใช้Gmailตกเป็นเป้าหมายของHacker
การแจ้งเตือนแบบเก่า
credit by:www.businessinsider.com
มีเพียง0.1%เท่านั้นที่ตกเป็นเป้าของHackerรัฐบาลนั้นๆโดยเป้าหมายอาจเป็น นักข่าว,นักเคลื่อนไหว,นักธุรกิจชื่อดัง เป็นต้น หากถูกแฮ็กจะมีหน้าจอข้อความปรากฏขึ้นมา
credit by:www.businessinsider.com
credit by:www.businessinsider.com

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หายไป!!! GoogleกับการวางAdsที่เปลี่ยนไป

เมื่อก่อนการวางAdsของGoogleจะวางไว้ทางด้านขวา แต่ทุกคนสังเกตกันไหมว่าAdsทางขวาได้หายไปหรือเห็นน้อยลงทุกที
ที่มา: http://www.businessinsider.com/

ดังที่เห็นในรูป โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้รับการยืนยันโดย Google to the SEM Post โดยจะเป็นการนำเสนอประสบการณ์การโชว์AdsแบบMobileให้ชาวDesktopได้สัมผัส

โดยเมื่อก่อนgoogle Adwordsจะโชว์อยู่ที่ด้านบน ด้านล่างและทางขวามือของหน้าเว็บต่อมาในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Googleได้เริ่มทดลองใช้การวางAdsแแบบMobileโดยการนำโฆษณะ4ตัวมาจัดวางไว้ทางด้านบน3ด้านล่างอีก1

อย่างไรก็ตามทางGoogleก็ไม่ได้ทิ้งร้างพื้นที่ทางขวามือแต่อย่างใดแต่จะให้กับสิ่งค้าหรือแบรนด์ที่อยู่ในรายชื่อของทางGoogleแทน
ที่มา : http://www.businessinsider.com/

Credit by : http://www.businessinsider.com/google-removing-ads-from-right-side-2016-2

10Thing you can give that don't cost money


วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เทรนด์โฆษณาดิจิตอลในปี 2016

ในหลายๆปีที่ผ่านโฆษณาดิจิตอลมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่สินค้าและบริการต่างๆมากมายโดยในที่นี้เราจะพูดถึงคำแนะนำในการหาช่องทางการทำการตลาดกัน

1.โฆษณาทางโทรทัศน์กำลังจะหายไป!!!

งบโฆษณาดิจิตอลเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนมีการเติบโตอย่างมากสวนทางกับงบโฆษณาทางโทรทัศน์ที่จะโดนตัดไปแบ่งให้โฆษณาดิจิตอลอย่างต่อเนื่องโดยในปี2015งบโฆษณาดิจิตอลคิดเป็น 80% ของงบที่ใช้กับโทรทัศน์และคาดว่าในปี2019 งบโฆษณาดิจิตอลจะมีมูลค่ามากถึง 95,000ล้านดอลลาร์กันเลย!

2.สมาร์ทโฟนอาวุธชิ้นสำคัญของนักการตลาด

นักการตลาดหั่นงบโฆษณาถึง 35% มาลงให้กับสมาร์ทโฟนเลยที่เดียว เพราะความเข้าถึงได้ง่ายรวดเร็วและจะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต

3.วีดีโอโฆษณาดีกว่าเยอะ!

วีดีโอ1วีดีโอ สามารถสื่อคำพูดออกมาได้เป็นร้อยล้านคำ ดีกว่าการใช้โฆษณาธรรมดาที่มีความจำกัดเช่น การนำเสนอที่ไม่ได้ครบทุกด้านอย่างไรเสียอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีนั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 35% เลยที่เดียว

4.Facebookได้ทั้งเพื่อนและเงิน

Facebookไม่ว่าจะผ่านไปก็ปีก็ยังแข็งแกร่งและเติบโตไปพร้อมๆกับสมาร์ทโฟน โดยมีการสำรวจแล้วพบว่า ชาวสหรัฐในเวลา 5นาที จะใช้เวลา1นาทีเปิดfacebookผ่านทางสมาร์ทโฟนและในเวลา 6 นาที จะใช้เวลา 1 นาที บนfacebookในการใช้จ่าย

และทั้งหมดนี้หวังว่าเราจะช่วยท่านได้ไม่มากก็ไม่น้อย

อ้างอิง: http://www.mdinteraktiv.com/2015/10/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81.html
-
http://www.socialmediatoday.com/marketing/digital-advertising-budgets-2016-4-trends-you-need-know-infographic