วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

Youtubeเปิดฟีเจอร์VDO 360ให้ทุกคนได้ใช้งานแล้ว!!!

อาจจะรู้กันแล้วว่าทางYoutubeนั้นจะมีเงื่อนไขต่างๆในการใช้งานฟีเจอร์อย่างเช่นจำนวนผู้ติดตามเป็นต้นทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้เมื่อเทียบกับทางFacebookที่ปล่อยให้ผู้ใช้ทุกคนได้ใช้งานฟีเจอร์ต่างๆอย่างทั่วถึง จนทำให้Youtubeต้องออกมาทำอะไรซักอย่าง
ที่มา: www.techgiri.com
ล่าสุดได้ออกฟีเจอร์ใหม่คือ Youtube 360ที่สามารถใช้คู่กับYoutube Liveได้ด้วยโดยสามารถไปรับชมกันได้โดยเขียนว่า 360 Video กดค้นหาก็จะเจอเป็นกลุ่มซึ่งทางYoutubeได้จัดเป็นกลุ่มไว้แล้ว(รองรับทั้งAndriodและIOS)




ตัวอย่างวีดีโอ360จากช่อง:ABC News

ก็ต้องมาดูกันว่าจะสายเกินไปไหมสำหรับทางYoutubeเพราะโดนนำหน้าไปก้าวนึงแล้วแต่อย่างไรก็ตามผลประโยชน์ทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ก็ตกเป็นของผู้บริโภคที่จะมีเครื่องมือให้เลือกใช้ตามแต่ถนัดกันเลย.

อ้างอิงโดย:http://www.veedvil.com/news/application/youtube-360-available-to-everyone/


วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

อย่างเจ๋ง!!! วิธีทำน้ำบริสุทธิ์(Purified Water)ให้เย็นในพริบตา

ตามที่หัวข้อได้บอกเอาไว้เลยครับยิ่งช่วงนี้อากาศยิ่งร้อนๆอยู่ด้วย โดยไอ้การทำให้น้ำเย็นในทันทีนี้ไม่ใช่ว่าจะเอาน้ำอะไรก็ได้มาทำ แต่จะต้องเป็นน้ำบริสุทธิ์เท่านั้นโดยกระบวนการเหล่านี้เรียกว่า "Waterbending"

วีดีโอจากช่อง: Grant Thompson - "The King of Random"

น่าลองทำมากๆเลยครับว่างๆก็ลองหาซื้อน้ำดื่มยี่ห้อต่างๆมาลองกันดูนะครับจะได้รู้กันไปเลยว่าของเค้าบริสุทธิ์จริงๆหรือป่าว?

อ้างอิงโดย:http://www.businessinsider.com/how-to-freeze-water-instantly-waterbending-instant-ice-2016-4

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

Internet of Things(IoT)กับการสื่อสารกันเองระหว่างอุปกรณ์

รูปจาก:www.linkedin.com
IoT หรือ Internet of Things เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยกันเองโดยแนวคิดนี้ถูกคิดขึ้นมาโดย Kevin Ashton ในปี 1999 โดยว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่นั้นสามารเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ แล้วทำไหมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆจะสื่อสารกันเองไม่ได้ละ

โดยในการสื่อสารกันระหว่างอุปกรณ์นั้นใช้ตัวSensor nodeต่างๆจำนวนมากเพื่อจะทำให้เกิด wireless sensor network (WSN) ให้อุปกรณ์ต่างๆสามารถเชื่อมต่อเข้ามาได้ ซึ่งตัว WSNs จะสามารถตรวจจับปรากฏการณ์ต่างๆ (physical phenomena) ในเครือข่ายได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น แสง อุณหภูมิ ความดัน เป็นต้น และจะตัวมี Gateway Sensor node ที่จะทำหน้าที่เชื่อมและส่งข้อมูลSensor nodeทั้งหมดไปยังโลกอินเทอร์เน็ต โดยตัว Gatewayจะอยู่ภายใต้ local network ซึ่งเราสามารถมากำหนดได้เองว่าจะเชื่อมต่อไปยังโลกอินเทอร์หรือจะเชื่อมต่อภายใน local networkกันเองเท่านั้น
รูปจาก:http://www.veedvil.com/
รูปแสดงถึงการเชื่อมต่างๆระหว่างอุปกรณ์ไปถึงผู้ใช้

โดยปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการเชื่อมต่อ IoT มีอยู่ 3 ตัวได้แก่
1.Bluetooth 4.0
2.IEEE 802.15.4e
3.WLAN IEEE 802.11™(Wi-Fi)

Internet of Thingsแบ่งออกเป็นกลุ่มได้2กลุ่ม
1.Industrial IoT คือแบ่งจาก local network ที่มีหลายเทคโนโลยีที่แตกต่างกันในโครงข่าย Sensor nodes
โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนี้จะเชื่อมต่อแบบ IP network  เพื่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
2.คือแบ่งจาก local communication ที่เป็น Bluetooth หรือ Ethernet (wired or wireless) โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device
ในกลุ่มนี้จะสื่อสารภายในกลุ่ม Sensor nodes เดียวกันเท่านั้นหรือเป็นแบบ local devices เพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้เชื่อมสู่อินเตอร์เน็ต
รูปโดย:www.securityintelligence.com
อธิบายTypesต่างๆโดย IBM
IPv6 คือส่วนสำคัญของ Internet of Things
ตัวอุปกรณ์ IoT devices ต่างๆนั้นจะเป็นจะต้องมีหมายเลขระบุเพื่อให้ใช้ในการสื่อสารเปลี่ยนเสมือนที่อยู่บ้านของเรานั่นเอง และการที่จะทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก(รวมถึงอนาคตที่จะผลิตกันออกมา) จำเป็นจะต้องใช้ IP Address vesion 6 หรือ IPv6 มากำกับเพื่อให้ได้หมายเลขที่ไม่ซ้ำกันและต้องใช้ได้ทั้ง
IoT network ที่เป็น LAN, PAN, และ BAN: Body Area Network หรือการสื่อสารของตัว Sensor กับร่างกายมนุษย์
Internet network (protocols)  ที่เป็น IP, UDP, TCP, SSL, HTTP, HTTPS, และอื่นๆ

สุดท้ายนี้ใครหลายๆคนอาจจะคิดว่าไอ้ตัวIoTนี้ก็คือพวกSmart Device อย่างสายรัดข้อมือที่ทำงานร่วมกับSmartPhone ซึ่งก็ใช่แต่ถ้าจะให้เห็นภาพชัดก็น่าจะเป็นที่ทางSamsungได้ประกาศว่าอุปกรณ์ทั้งหมดของทางSamsungจะเป็นIoTทั้งหมดภายใน5ปี (ลิงค์อ้างอิง)อย่างไรก็ดียังไม่ต้องรีบร้อนเพราะในอนาคตIoTจะมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราทุกคนแน่นอน...ไม่มากก็น้อยนะ

อ้างอิงโดย: http://www.veedvil.com/news/internet-of-things-iot/

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

งานวิจัยเผย Flash Drive กว่าครึ่งที่หาย ถูกเสีบยเข้าคอมพิวเตอร์แล้ว

เว็บไซต์Naked Security ของ Sophos รายงานโดยอ้างอิงงานวิจัยจากคณะวิจัยร่วมจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขตเออร์บานา แชมเปญ, มหาวิทยาลัยมิชิแกน และ Google ที่มีผลสรุปว่า กว่าครึ่งของไดรฟ์ Flash Drive(หรือThumb Driveนั้นเอง) ที่ทำตกหรือสูญหาย มักจะถูกเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เผยแพร่มัลแวร์อื่นๆ ได้โดยง่าย

รูปโดย:http://blogs.atu.edu

โดยงานวิจัยดังกล่าวใช้ไดรฟ์ USB จำนวน 297 ชิ้น ไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ โดยมีไดรฟ์ที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์มากถึงร้อยละ 98 และไฟล์ในไดรฟ์ถูกเปิดร้อยละ 45 ซึ่งนั่นก็แปลว่าโอกาสที่จะถูกโจมตีด้านความปลอดภัยจากไดรฟ์ที่ตกเหล่านี้ เป็นไปได้ตั้งแต่ร้อยละ 45 - 98 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใน 6.9 ชั่วโมงโดยเฉลี่ยโดยไม่เกี่ยวข้องกับหน้าตาของไดรฟ์ที่ทำตก
    สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ร่วมการวิจัยที่เปิดไฟล์ มีเพียงร้อยละ 16 ที่ตัดสินใจสั่งสแกนไดรฟ์เพื่อความปลอดภัย, ร้อยละ 8 เชื่อว่าคอมพิวเตอร์ตัวเองปลอดภัยและมีกลไกป้องกันที่ดีพอ (ตัวอย่างในงานวิจัยคือผู้เข้าร่วมวิจัยรายหนึ่งเชื่อว่า MacBook มีความปลอดภัยที่ดี) และอีกร้อยละ 8 ใช้คอมพิวเตอร์ของสถานศึกษาในการเปิดไดรฟ์เหล่านี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องส่วนตัว การเปิดไฟล์อ่านส่วนใหญ่ทำเพื่อพยายามหาว่าใครเป็นเจ้าของไดรฟ์นี้ สำหรับเรื่องการคืนนั้น มีตั้งแต่การติดต่อคืนกับแผนกไอทีของมหาวิทยาลัย, อีเมลไปหาทีมคณะร่วมวิจัย, ประกาศตามหาในสื่อสังคมออนไลน์ แต่มีสองกรณีที่ตามมาคืนให้กับนักวิจัยแทบจะทันทีที่นักวิจัยทิ้งไดรฟ์เอาไว้

อย่างไรก็ตาม Sophos ได้คำเตือนไว้ด้วยว่า ควรอัพเดทซอฟต์แวร์ป้องกันความปลอดภัยตลอดเวลา และควรเข้ารหัสข้อมูลในไดรฟ์ทั้งหมดเผื่อมีการสูญหาย (หากต้องการข้อมูลเต็ม คลิกที่นี้)

ที่มา : http://hitech.sanook.com/1405449/